ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
Home Car Show Super Car & Import Car Off Road Car Stereo Eenergy Business Wheel & Tires Classifieds Webboard
Sport World Home & Condo Motor Cycle Cycle Bike Review & TestDrive Classic Car Motor Sport Pretty Show Sexy Lady Society News





ตามหารหัส แห่งดวงดาว ที่พิพิธภัณฑ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์
หน้าแรก » Super Cars & Import Cars » MERCEDES-BENZ » ตามหารหัส แห่งดวงดาว ที่พิพิธภัณฑ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์...

17-เมษายน  |   1578





       ไปตามหา "รหัส" แห่งดวงดาว ที่พิพิธภัณฑ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งสร้างขึ้นพื่อถ่ายทอดตำนานโลกยานยนต์อันยิ่งใหญ่

       อาคาร 9 ชั้นรูปทรงสะดุดตาตั้งอยู่ตรงข้ามกับสนามฟุตบอลทีมสตุทการ์ท มีป้ายเขียนไว้ชัดเจนว่า "พิพิธภัณฑ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์" เมื่อก้าวเข้าไปข้างใน ก็เห็นได้ชัดถึงความคึกคัก ผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนวัยทำงาน และนักเรียนนักศึกษา ที่พากันควักกระเป๋าหาเงิน 10 ยูโร สำหรับจ่ายเป็นค่าเข้าชม
ความสนใจจองผู้ชมที่ต้องการเข้าไปดูถึงที่มาที่ไป พัฒนาการของเทคโนโลยี พัฒนาการของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมเยอรมนีจึงครองความยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ และปัจจุบันรถในตลาดหรูที่จำหน่ายในโลกนี้ ส่วนใหญ่ก็มาจากที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู ปอร์เช่ ออดี้ เป็นต้น

       เมอร์เซเดส-เบนซ์ สร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาเพื่อต้องการถ่ายทอดเรื่องราวในโลกยานยนต์มายาวนาน ถึงปัจจุบันก็เข้าสู่ปีที่ 126 อย่างไรก็ตามพิพิธภัณฑ์ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อให้คนสนใจเฉพาะสิ่งที่อยู่ภายในมันเท่านั้น แต่เป้าหมายของค่ายรถตราดาว คือ ตัวอาคารก็ต้องมีความน่าสนใจในตัวมันเอง มีความสวยงาม มีเทคโนโลยี และมีความสามารถในการใช้งาน

        สถาปนิกจากเนเธอร์แลนด์ ทำให้แนวคิดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นจริง
การออกแบบภายในผู้สร้างบอกว่าได้แรงบันดาลใจจากโครงสร้างเกลียวคู่ของดีเอ็นเอในมนุษย์ โครงสร้างหลักเป็นปูนเปลือย แต่บางจุดใช้วัสดุอื่นที่สื่อถึงความล้ำสมัย หรือความหรูหราที่มีอยู่ในรถ เช่น นำวัสดุชนิดกับในรถมาตกแต่งตัวอาคารมีความพยายามลดการใช้พลังงาน เช่น การออกแบบให้มีแสงจากภายนอก ขณะที่ตรงกลางอาคาร ออกแบบเหมือนกับเป็นห้องโถงสูง และสามารถระบายอากาศออกไปด้านบน ส่วนผนังมีท่อน้ำซ่อนอยู่ภายในเพื่อช่วยลดอุณหภูมิในหน้าร้อนขณะที่พื้นที่ภายในออกแบบให้เดินได้ง่าย เดินทิศทางเดียว เห็นรถครบทุกคัน

        การเดินทางเริ่มต้นด้วยลิฟต์ทรงล้ำสมัยที่มีการแสดงแสงสีเสียงถึงเรื่องราวในอดีต และไม่ต้องกดเลือกชั้น เพราะมันจะนำขึ้นสู่ชั้นบนสุด และจากนั้นจึงเดินลงมาถึงชั้นล่าง โดยทางเดินก็เอื้อสำหรับผู้พิการ สามารถใช้รถเข็นได้สะดวก


       สำหรับสตุ๊ทการ์ท เป็นเมืองหลวงของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก รวมถึงผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 มาได้ โดยที่โรงงานไม่ได้รับความเสียหายเหมือนกับอีกหลายเมืองที่ถูกระเบิดจากกองทัพพันธมิตรถล่มราบ ด้วยเหตุผลทางภูมิศาสตร์ที่เป็นแอ่งอยู่กลางหุบเขา ทิศทางลมไม่แน่นอน และอาจจะรวมถึงการคำนวณของนักบินในยุคนั้นที่อาจจะไม่ยำพอ ทำให้ระเบิดไปตกกลางป่าเขาเป็นส่วนใหญ่ เมืองส่วนใหญ่และโรงงานจึงปลอดภัย

      ดังนั้นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นอกจากจะมีเรื่องราวของยานยนต์ก็ยังสอดแทรกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ทั้งประวัติภาพรวม หรือส่วนบุคคล เช่น รถคันไหนเคยเป็นของใคร

       เมื่อออกจากลิฟต์ จะได้รับการต้อนรับโดยม้าขาว ตัวใหญ่ หุ่นกำยำถูกสตัฟเอาไว้ โดยมีคำพูดของกษัตริย์ Wilhelm ที่ 2 ติดอยู่ที่ฐานว่า "I do believe in the horse. The automobile is not more than a transitory phenomenon." แปลได้ว่า "อาชาสิของแน่ รถยนต์ใช่ของแท้ คงทน" ถือว่าคนออกแบบจัดวางทำได้ดี เพราะเป็นเหมือนเป็นการดึงอารมณ์ร่วมให้กับผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ เป็นคำถาม ที่ทุกคนจะต้องหากคำตอบเอาเองหลังจากนี้เป็นต้นไปและแน่นอน เชื่อว่าลึกๆ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ต้องเชื่อว่าผู้ชมส่วนใหญ่จะเห็นต่างจากคำกล่าวดังกล่าว จะยกเว้นอยู่บ้างก็อาจจะเป็นกลุ่มพวกผมที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปจากเมืองไทยนี่แหละครับ เพราะหลับตาเห็นภาพราคาน้ำมันที่ขึ้นอยู่เรื่อยๆ ทำให้นึกอยากจะผูกม้าไว้หน้าบ้านสักตัว


        พิพิธภัณฑ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดแสดงเป็นหมวดหมู่ ชั้นบนสุด เป็นเรื่องราวต้นกำเนิดของยานยนต์ เราจะเห็นว่าคนเมื่อก่อนคิดได้อย่างไร ว่าจะเอาน้ำมาต้ม เพื่อเอาไอน้ำไปดันลูกสูบ ได้เห็นความยากลำบากในการก่อเกิดยานยนต์ที่อย่าว่าแต่จะขับขี่ให้สนุก แค่ควบคุมไม่ให้มันวิ่งออกนอกลู่นอกทางและชนเข้ากับกำแพงจนหม้อต้มน้ำแตกยังทำได้ยาก

         ชั้น 7 เป็น เรื่องราวการกำเนิดของยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งถ้าใครศึกษาอย่างลึกละเอียด จะรับรู้ข้อมูลว่ารถยนต์ในวันนี้ ผิดไปจากแนวคิดของนายคาร์ล เบนซ์ ผู้ก่อตั้งอย่างสิ้นเชิง เพราะเขานั้นต้องการสร้างยานยนต์ขึ้นมาเพื่อแบ่งเบาภาระผู้คน และม้า ในการขนส่งสินค้า ไม่ใช่ให้เอามาขับนวยนาดผลาญน้ำมันเล่น โดยไม่ส่งผลประโยชน์ต่อส่วนรวม นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนนิทรรศการเรื่องของการขนส่ง แซมมาด้วยเล็กน้อย

         ชั้น 6 เป็นการนำเสนอความภาคภูมิใจของเทคโนโลยี เครื่องยนต์ดีเซล ที่ยังคงส่งทอดมาจนถึงยุคปัจจุบันที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ กำลังได้รับความสนใจทั่วโลกกับเทคโนโลยี บลูเทค และส่วนนิทรรศการเกี่ยวกับการขนส่งผู้คน

          ชั้นที่ 5 เป็นเรื่องของโลกแห่งการแข่งขันในตลาดรถยนต์ และส่วนนิทรรศการรถเพื่อสาธารณประโยชน์   
          ชั้น 4 แสดงเทคโนโลยีเกี่ยวกับความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม
          ชั้น 3 พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกยานยนต์ และส่วนเรื่องราวของรถที่เกี่ยวข้องกับฮีโร่ต่างๆ

          ชั้น 2 เกี่ยวกับรถแข่ง และการบันทึกสถิติต่างๆ ส่วนชั้น 1 เป็นคาเฟ่ ให้ได้จิบกาแฟกลิ่นกรุ่น หรือจะเป็นเบียร์เย็นๆ สักแก้วให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนเยอรมัน ก่อนที่จะเดินไปอีกตึกหนึ่งซึ่งติดกัน ซึ่งเป็นโชว์รูม เพื่อเลือกซื้อรถในยุคปัจจุบันออกมาขับเล่นสักคัน  พิพิธภัณฑ์ของรถตราดาวสามแฉกจัดวางได้อย่างมีเรื่องราว มีการนำเสนอข้อมูลอย่างมีเบื้องลึก มีที่มาที่ไป ได้เห็นทั้งรถที่เร็วที่สุด เบาที่สุด หรือ....ที่สุด แล้วแต่ว่าใครจะสนใจมุมไหน และเลือกที่ใช้เวลากับจุดไหน และยังทำให้ได้รู้ว่าที่มาของโลโก้ เพราะผู้ก่อตั้ง มีเป้าหมายที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการเดินทางทั้ง 3 ทาง ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ

ในที่สุดก็ไขรหัสแห่งดวงดาว (สามแฉก) โลโก้ที่คุ้นเคยบนฝากระโปรงเสียที
ครั้งแรกโลกยานยนต์
รายละเอียดของรถ และเทคโนโลยีที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์มีมากมาย ได้เห็นที่มาที่ไปของพัฒนาการ ได้รู้ว่ารถจักรยานยนต์คันแรกที่ใช้เครื่องยนต์สูบเดียวขนาด 264 ซีซี 0.5 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 12 กม./ชม. แต่ คนขับต้องยอมแพ้จากการสั่่นสะเทือน เห็นถึงปัญหาและแนวทางการแก้ไขในโลกยานยนต์ตั้งแต่ยุคอดีต เช่น ปัญหาการเลี้ยว การทรงตัว การเกิดขึ้นของรุ่นฐานยาว (Long Wheel Base) เพื่อช่วยในการทรงตัวมีมาตั้งแต่รถยุคโบราณ ที่ล้อเป็นซี่ไม้ ได้เห็นเบรกที่ทำจากไม้ เครื่องยนต์สูบนอน หรือโรตารี ก็หาได้ในพิพิธภัณฑ์เช่นกัน

     มีอะไรหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกยานยนต์ให้ได้เห็นกันที่นี่ และบางทีชื่อของแบร์ธ่า เบนซ์ ภรรยาของคาร์ล เบนซ์ ก็น่าจะได้ชื่อว่าเป็นนักทดสอบรถคันแรก หลังจากเธอแอบนำรถต้นแบบของสามีขับไปเยี่ยมแม่ที่อยู่ห่างออกไป 104 กม.และตลอดเส้นทางต้องเจอกับอุปสรรคหลายอย่าง รวมถึงน้ำมันหมด ซึ่งเธอแก้ไขด้วยการเข้าไปในร้านขายยา แล้วซื้อแอลกอฮอล์ล้างแผลมาเติม

      ปัจจุบันร้านขายยาดังกล่าวก็ยังคงอยู่ แถมยังขึ้นป้ายเสียด้วยว่า "ปั๊มน้ำมันแห่งแรกของโลก"
เหตุการณ์ที่แบร์ธ่าแอบนำรถไปขับ อาจเป็นจุดที่ทำให้เบนซ์สามารถพัฒนารถได้เร็วขึ้น เพราะเธอกลับมาพร้อมกับคำวิจารณ์มากมายเกี่ยวกับตัวรถ

     คิดว่าช่วงนั้นคาร์ล เบนซ์ มี 2 อารมณ์ คือ โกรธไม่ลง หรือไม่ก็ โกรธไม่ได้



   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     







        Video Clip


Mercedes-Benz Museum Stuttgart 1992
  ทั้งหมด -»»


        เรื่องอื่นๆ ในหมวด

lotus-emeya

sf90-xx-stradale-and-sf90-xx-spider
SF90 XX Stradale และ SF90 XX Spider: ครั้งแรกของรุ่น XX ในเวอร์ชั่น Road Car..
718-boxster-x-spyder911-turbo-s-28mar23
718 Boxster Spyder และ 911 Turbo S ร่วมประชันความโดดเด่น พร้อมทัพยนตกรรมสปอร์ตกว่า 12 คัน..
The Purest Track Experience
ลัมโบร์กินี เอสเซนซ่า เอสซีวี12 : The Purest Track Experience..
EV Charging station and Platform Co Crea-tion for Electric Vehicles Project
ปอร์เช่ ประเทศไทย จับมือ EGAT ร่วมลงนามความร่วมมือ EV Charging station and Platform Co Creation for Electric Vehicles Project..
  ทั้งหมด -»»









 


แสดงผลได้กับ IE9+/Firefox/Chrome
1440*900 resolutions.

©2013 www.carshowsociety.com
Web Creative Design by Qisza.com

789/4 ซ.ลาดพร้าว 48 แยก 8 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320
มือถือ : 08-4659-4999