|
|
โชว์รูม แมคลาเรน กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนถนนมอเตอร์เวย์ กม.1 มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเพื่อการนำเสนอยานยนต์ซุปเปอร์คาร์และรถสปอร์ตสมรรถนะสูงจากแมคลาเรนหลากหลายรุ่นจากอังกฤษสู่ลูกค้าในประเทศไทย โดยเฉพาะรุ่น McLaren 650S ที่คว้ารางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย และจะนำมาจัดแสดงในงานเปิดตัวโชว์รูม นอกจากนี้ แมคลาเรนยังเปิดศูนย์บริการแมคลาเรน กรุงเทพฯ (McLaren Bangkok Service Centre) อย่างเป็นทางการ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโชว์รูมแห่งใหม่นี้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มอบบริการซ่อมบำรุงและบริการหลังการขายครบวงจร เพื่อให้ลูกค้าแมคลาเรนในเมืองไทยได้สัมผัสกับประสบการณ์ขับขี่สไตล์แมคลาเรน ![]() ผู้ที่รับหน้าที่บริหารโชว์รูมแห่งใหม่นี้ คือ บริษัท นิช คาร์ จำกัด ผู้นำเข้ารถซุปเปอร์คาร์และสปอร์ตคาร์ระดับพรีเมียมในประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้บริโภคระดับสูงของเมืองไทยในด้านคุณภาพและบริการชั้นเลิศ งานเปิดตัวยังได้รับเกียรติจากตัวแทนสำนักงานใหญ่แมคลาเรน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มาร่วมในพิธีเปิด มร.เดวิด แมคอินไตย์ ผู้อำนวยการแมคลาเรน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ มร.จอร์จ บิกส์ หัวหน้าฝ่ายงานขายและปฏิบัติการ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แมคลาเรน ร่วมด้วยตัวแทนจากผู้จัดจำหน่าย ได้แก่ เสรี รักษ์วิทย์ ประธานบริษัท และ วิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการบริษัท นิช คาร์ จำกัด ![]() วิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการบริษัท นิช คาร์ จำกัด กล่าวในสุนทรพจน์ว่า “เรารู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งกับบทบาทใหม่ในฐานะผู้แทนจำหน่ายรถยนต์แมคลาเรนอย่างเป็นทางการรายแรกในกรุงเทพฯ ด้วยมาตรฐานการให้บริการระดับโลกและความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ เราขอให้คำมั่นว่า เราจะมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับหรูให้แก่ผู้บริโภคในเมืองไทยบนมาตรฐานเดียวกับที่ แมคลาเรน ออโตโมทีฟ นำเสนอแก่ผู้บริโภคระดับสูงทั่วโลก โดยการเปิดโชว์รูมแมคลาเรน กรุงเทพฯ ในวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามในการตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของนักขับรถซุปเปอร์คาร์ในเมืองไทย” ![]() เดวิด แมคอินไตย์ ผู้อำนวยการแมคลาเรน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวเสริมว่า “ตลาดรถหรูในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของแบรนด์แมคลาเรน เรามุ่งมั่นสร้างความเข้มแข็งให้แก่เครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จากการเปิดโชว์รูมแมคลาเรนในกรุงเทพฯ แห่งนี้ ปีนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเราได้เปิดตัวยานยนต์สปอร์ตซีรีส์ใหม่ ซึ่งเป็นที่เฝ้าจับตาของผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน และเราสัญญาว่าผู้บริโภคในเมืองไทยจะได้สัมผัสความตื่นตาตื่นใจนี้ด้วยเช่นกัน อีกทั้งเรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้นำเสนอซุปเปอร์คาร์และรถสปอร์ตระดับพรีเมียมหลากหลายรุ่นแก่นักขับระดับสูงในภูมิภาคนี้ โดยมีพันธมิตรชั้นเยี่ยมอย่าง นิช คาร์ ทำหน้าที่ดำเนินงานอย่างดีเยี่ยม” ![]() โชว์รูม แมคลาเรน กรุงเทพฯ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายปลีกของแมคลาเรน หลังการเปิดตัวรถยนต์รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น McLaren 675LT ในงาน Geneva Motor Show และ All-new Sports Series McLaren 570S ในงาน New York Motor Show เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา อีกทั้งสปอร์ตซีรีส์ กำหนดจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่ทุกคนรอคอยอย่าง McLaren 540C ในงาน Shanghai Auto Show ในวันที่ 20 เมษายน 2558 นี้อีกด้วย โดยยานยนต์แมคลาเรนสปอร์ตซีรีส์นี้จะถือเป็นยนตรกรรมแนวสปอร์ตที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ซึ่งนำเสนอความเป็นเลิศแห่งสมรรถนะและเอกลักษณ์แห่งยานยนต์สู่ตลาดรถสปอร์ตเป็นครั้งแรก เนื่องจากรถยนต์ในซีรีส์นี้ถูกออกแบบตามนิยามของแมคลาเรนอย่างแท้จริง โดยนำคุณสมบัติมาจาก McLaren P1™ และ 650S ผนวกการนำเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของรถยนต์สูตร 1 มาใช้ในการตีตลาดรถยนต์กลุ่มใหม่ของแมคลาเรน ![]() McLaren 650S Spider โฉมใหม่ ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับนักขับทั้งบนท้องถนนและสนามแข่ง ในรูปลักษณ์แบบยานยนต์คูเป้ที่ติดตั้งหลังคา อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (62 ไมล์/ชม.) ใน 3 วินาที และ 0-200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม.) เพียง 8.6 วินาที โครงรถใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์พิเศษแบบ MonoCell ทำให้ไม่ลดค่าความแข็งแกร่งต่อการบิด เมื่อมีน้ำหนักเท่ากัน หลังคาแบบสองชิ้นสามารถปรับขึ้นและลงได้ภายในเวลา 17 วินาทีในขณะรถเคลื่อนด้วยความเร็วสูงถึง 30 กม./ชม. (19 ไมล์/ชม.) หากพิจารณาในเชิงสมรรถนะยานยนต์ รถยนต์รุ่น 650S Coupé จะมีความคล้ายคลึงกับรุ่น McLaren 650S Spider และใช้ได้กับเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบรุ่นพิเศษของ McLaren M838T ซึ่งให้กำลัง 650 แรงม้า (641 แรงม้าเพลา) และแรงบิด 678 นิวตันเมตร (500 ฟุต-ปอนด์) ซึ่งหมายถึงสามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. (62 ไมล์/ชม.) ได้ในเวลาเพียง 3 วินาที และ 0-200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม.) เพียง 8.6 วินาที โดยช้ากว่ารุ่นติดตั้งแบบ fixed-head เพียง 0.2 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 329 กม./ชม. (204 ไมล์/ชม.) ส่วนอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการปล่อยไอเสียจะอยู่ระดับเดียวกับรุ่น 650S Spider คือที่ 24.2 ไมล์ต่อแกลลอน (11.7 ลิตร/100 กม.) ตามอัตราการใช้เชื้อเพลิงรวมหน่วยยูโร และอัตราไอเสียที่ 275 กรัม/กม. แบรนด์คู่แข่งมักจะไม่นำเสนอยานยนต์สมรรถนะสูงที่มีประสิทธิภาพเท่ากันในรูปแบบรถยนต์เปิดประทุน เนื่องจากอาจก่อให้เกิดความยุ่งยากสำหรับระบบเปิดประทุนได้ โดยรถเปิดประทุนเหล่านั้นจะมีน้ำหนักมากกว่าและมีความแข็งแกร่งต่อแรงบิดต่ำกว่า ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อการควบคุมและการขับขี่ การใช้โครงรถที่เป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์แบบ Mono Cell ซึ่งเป็นหัวใจของรุ่นแมคลาเรน 650S จึงไม่จำเป็นต้องมีการเสริมความทนทานหรือเพิ่มความแข็งแรงในตัวฝาปิดด้านบนแต่อย่างใด ทั้งยังทำให้ยานยนต์ 650S Spider มีความสามารถในการควบคุมและการขับขี่ที่ดีเยี่ยมและมีรูปทรงเป็นแนวเส้นตรงอันสง่างาม โดยยานยนต์ 650S Spider มีน้ำหนักรวม 1,370 กก. (ขณะไม่เติมเชื้อเพลิง) และเพิ่มขึ้นเพียง 40 กก. เมื่อเป็นแบบรถคูเป้ ซึ่งเกิดจากการเพิ่มชิ้นส่วนหลังคาแข็งแบบพับและกลไกส่วนหลังคา หากก็ยังถือว่ามีน้ำหนักที่เบากว่ารถยนต์รุ่นอื่นในคลาสเดียวกัน ![]() หลังคาแข็งแบบพับสองชิ้นสามารถปรับขึ้นและลงได้ภายในเวลา 17 วินาที โดยปรับได้ทั้งในขณะหยุดนิ่งและขณะรถเคลื่อนด้วยความเร็วสูงถึง 30 กม./ชม. (19 ไมล์/ชม.) ยานยนต์ 650S Spider ยังใช้กระจกหน้าต่างหลังแบบฉนวนเหมือนกับรุ่น 12C Spider ซึ่งทำงานแยกส่วนกับหลังคารถ โดยเมื่อปิดหลังคาลง กระจกหน้าต่างหลังจะทำหน้าที่เป็นตัวเบี่ยงลมเพื่อป้องกันแรงกระแทกกับห้องโดยสาร ส่วนเมื่อเปิดหลังคา สามารถปรับหน้าต่างกระจกหลังลงได้เพื่อเพิ่มเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์และสร้างอรรถรสในการขับขี่แก่ห้องโดยสาร โดยเฉพาะการเปิดเพียงครึ่งเดียวเพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ของการขับขี่ท่ามกลางสายฝน เมื่อพับหลังคาลง แผ่นหลังคาจะถูกเก็บในแผงคลุมที่มีสีเดียวกับตัวรถโดยทำงานร่วมกับโครงค้ำคู่ด้านหลัง เมื่อยกหลังคาขึ้น พื้นที่ว่างใต้แผงคลุมยังสามารถปรับใช้เป็นพื้นที่เก็บของเพิ่มเติมได้ ![]() นอกเหนือจากสมรรถนะระดับรถแข่งที่เปิดประทุนได้ ยานยนต์รุ่น 650S Coupé และ 650 Spider ยังตกแต่งด้วยวัสดุหรูหราคุณภาพเยี่ยม โดยตัวเบรกของรุ่น 650S ใช้วัสดุแบบคาร์บอนเซรามิกคู่กับล้ออัลลอยน้ำหนักเบาที่หุ้มด้วยยาง Pirelli P Zero™ Corsa นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบนำทางของ IRIS และระบบโทรศัพท์ผ่านสัญญาณบลูทูธ วิทยุระบบดิจิตัล DAB ในยุโรป (วิทยุดาวเทียม SIRIUS ในอเมริกาเหนือ) ระบบเชื่อมต่อออนไลน์แบบไร้สาย โดยติดตั้งระบบเครื่องเสียงและการสั่งงานด้วยเสียงเป็นมาตรฐานในรถยนต์ทุกรุ่น ส่วนห้องโดยสารภายในตกแต่งด้วยผ้าอัลแคนทาร่า (Alcantara) ทั้งหมด แมคลาเรน เปิดตัวยานยนต์ 570S Coupé เป็นรุ่นแรกในตระกูลสปอร์ตซีรีส์ (Sports Series) นำเสนอภาพลักษณ์อันโดดเด่นของแมคลาเรน และการริเริ่มใช้เทคโนโลยีในสนามแข่งกับรถยนต์เพื่อรุกกลุ่มตลาดใหม่ เมื่อนำ Sports Series รวมกับ Super Series และ Ultimate Series ถือเป็นความสมบูรณ์แบบของสุดยอดยานยนต์ทั้ง 3 ซีรีส์จากแมคลาเรน ที่นำเสนอเป็นครั้งแรก ณ กรุงนิวยอร์ก ปรากฏโฉมในรูปแบบรถสปอร์ตดั้งเดิม ติดตั้งเครื่องยนต์กลางลำรถและขับเคลื่อนล้อหลัง โดยใช้โครงรถเป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ดีไซน์แบบ “Shrinkwrapped” ติดตั้งด้วยครีบยันที่หรูหราเพื่อเสริมประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์และเพิ่มแรงกดที่กระทำต่อตัวรถ เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ M838TE ใช้ส่วนประกอบใหม่ 30% ให้กำลัง 570 แรงม้าและแรงบิด 600 นิวตันเมตร มอบอัตราส่วนกำลังเครื่องต่อน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในคลาสที่ 434 แรงม้าต่อตัน ให้อัตราเร่งเต็มสปีด 0-100 กม./ชม. (62 ไมล์/ชม.) ใน 3.2 วินาที และ 0-200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม.) เพียง 9.5 วินาที เปิดตัวครั้งแรกในโลก ที่งาน New York International Auto Show เมื่อวันพุธที่ 1 เมษายน 2558 แมคลาเรน ประสบความสำเร็จในกลยุทธ์การนำเสนอสุดยอดยานยนต์ครบทั้ง 3 ซีรีส์ จากการนำเสนอซีรีส์ล่าสุด “สปอร์ตซีรีส์ (Sports Series)” โดยเปิดตัวรุ่น 570S Coupé เป็นรุ่นแรกในตระกูลนี้ ด้วยรูปลักษณ์แบบรถสปอร์ตพันธุ์แท้ ผ่านการออกแบบที่เฉียบคมและสมรรถนะการขับขี่ขั้นสุดยอด โดยผนวกกับคุณสมบัติเด่นของยานยนต์ใน Super Series และ Ultimate Series ไว้อย่างกลมกลืน ทำให้ยานยนต์ 570S Coupé นำเสนอเทคโนโลยีในสนามแข่งขั้นสูงและการดีไซน์อันเป็นเลิศของแมคลาเรนเพื่อการรุกกลุ่มตลาดใหม่อย่างภาคภูมิ สมรรถนะของยานยนต์ 570S Coupé ยังคงความเป็นเยี่ยมในแบบฉบับแมคลาเรน ด้วยกำลังเครื่องถึง 570 แรงม้า (562 แรงม้าเพลา) และใช้โครงสร้างน้ำหนักเบา จึงให้อัตราส่วนกำลังเครื่องต่อน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในคลาสที่ 434 แรงม้าต่อตัน โดยให้อัตราเร่งเต็มสปีดจาก 0-100 กม./ชม. (62 ไมล์/ชม.) ใน 3.2 วินาที และ 0-200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม.) เพียง 9.5 วินาที นอกจากนี้ 570S Coupé ยังสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 328 กม./ชม. (204 ไมล์/ชม.) 570S Coupé ยังนำเสนอปรัชญาการออกแบบแนวใหม่จากแมคลาเรน ด้วยดีไซน์แบบ “Shrinkwrapped” ที่เสริมประสิทธิภาพของอากาศพลศาสตร์ เผยโฉมครั้งแรกของโลก ณ งาน 115th New York International Auto Show ซึ่งทั่วโลกได้ประจักษ์ในความงามที่ทีมนักออกแบบได้สร้างสรรค์ขึ้น ผ่านการนำเสนอรายละเอียดที่ลงตัว อาทิ ครีบยันด้านหลังที่ช่วยเพิ่มแรงกดกับตัวรถขณะวิ่ง พร้อมเพิ่มแนวเส้นขอบประตูที่สง่างามซึ่งช่วยนำอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ V8 กลางลำรถได้โดยตรง ยานยนต์ในสปอร์ตซีรีส์ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 3.8 ลิตร ชื่อรหัส M838TE ซึ่งใช้ส่วนประกอบใหม่ 30% โดยให้กำลังเครื่องที่ 570 แรงม้า (562 แรงม้าเพลา) ที่ 7,400 รอบต่อนาทีและแรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังใช้ระบบเกียร์ 7 สปีดแบบ SSG และขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง นักขับสามารถควบคุมได้ดั่งใจด้วยตัวเบรกที่ใช้วัสดุคาร์บอนเซรามิกมาตรฐานสูง ติดตั้งกับล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่หุ้มด้วยยาง Pirelli P Zero™ Corsa ระดับคุณภาพจาก Pirelli โดยล้อหน้าเป็นแบบ 225/35/R19 และล้อหลัง 285/35/R20 โครงรถใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์แบบ MonoCell II ซึ่งออกแบบใหม่ให้เหมาะสมกับการขับขี่ในทุกวัน และเอื้อต่อการนำลมเข้าและระบายลมออกจากห้องโดยสาร และแม้จะมีความทนทานและแข็งแกร่งเป็นเลิศ หากมีน้ำหนักเบาเพียง 80 กก. และมอบการปกป้องตัวเครื่องสูงสุด ด้วยโครงสร้างน้ำหนักเบาผสานการใช้แผงโครงรถอะลูมิเนียม ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเมื่อไม่เติมเชื้อเพลิงเพียง 1,313 กก. (2,895 ปอนด์) ซึ่งเบากว่าแบรนด์คู่แข่งเกือบ 150 กก. เครื่องยนต์ระบบเทอร์โบชาร์จน้ำหนักเบาไม่เพียงมอบสมรรถนะสูงสุดเท่านั้น หากยังมอบประสิทธิภาพการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการปล่อยไอเสียที่ดียิ่งกว่า ที่ 25.5 ไมล์ต่อแกลลอน ตามอัตราการใช้เชื้อเพลิงรวมหน่วยยูโร โดยปล่อยไอเสียที่ 258 กรัม/กม. โดดเด่นในแบบฉบับแมคลาเรนทั้งในสนามแข่งขันและบนท้องถนน ยานยนต์ 570S นำเสนอดีไซน์แบบแมคลาเรนพันธุ์แท้ ด้วยดีไซน์ส่วนหน้าที่พบได้ทั้งใน Super Series และ Ultimate Series ซึ่งเป็นการออกแบบที่พิจารณาจากการไหลเวียนของอากาศ ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ที่เสริมการทำงานของอากาศพลศาสตร์ทั้งแผงลมใต้กันชนหน้า ที่ช่วยเพิ่มระยะในการนำกระแสลมที่เย็นสะอาดเข้าสู่ใต้ท้องรถส่วนหน้าโดยตรง มาพร้อมไฟหน้าแบบแอลอีดีส่องสว่างขนาดใหญ่พิเศษซึ่งติดตั้งในรถยนต์ทุกรุ่นของสปอร์ตซีรีส์ ผสานการใช้ฝากระโปรงขึ้นรูปที่ช่วยระบายลมไปตามส่วนโค้งของล้อหน้าอย่างราบรื่น ส่วนประตูแบบเปิดยกอันเป็นดีไซน์เฉพาะของแมคลาเรนที่นำมาจากรถยนต์สูตร 1 ติดตั้งมาอย่างสวยงามในแบบยกสูงพร้อมแนวเส้นข้างซึ่งออกแบบมาเพื่อแยกกระแสลมให้ไหลเข้าช่องลมด้านข้างและไหลสู่ใต้ครีบยันอย่างสม่ำเสมอ สถาปัตยกรรมยานยนต์ที่ยอดเยี่ยมนี้ทำให้มั่นใจได้ว่า ตลอดตัวรถรุ่น 570S จะเกิดแรงต้านต่ำสุด พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็นและแรงกดต่อตัวเครื่องสูงสุด ครีบยันด้านหลังส่วน Glasshouse ของตัวรถ ถือเป็นส่วนเสริมที่สำคัญของระบบอากาศพลศาสตร์ โดยทำหน้าที่เบนอากาศผ่านสู่ส่วนข้างล้อหลังโดยตรงเพื่อช่วยในการระบายความร้อนจากช่องเปิดสู่เครื่องยนต์ด้านหน้า และยังช่วยเพิ่มแรงกดให้กับตัวรถอีกด้วย ส่วนบังโคลนอะลูมิเนียมด้านหลังช่วยนำอากาศใหม่เข้าสู่ชิ้นส่วนสปอยเลอร์หลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและช่วยเพิ่มแรงกดอีกทางหนึ่ง การดีไซน์ส่วนท้ายรถเน้นความสะอาดตาและเรียบหรู ติดตั้งไฟท้ายแอลอีดีซึ่งกลมกลืนไปกับรูปทรงแผงด้านข้างอย่างเหมาะเจาะ ท้ายรถติดตั้งตะแกรงอะลูมิเนียมเพื่อช่วยระบายความร้อนและทำให้มองเห็นห้องเครื่องได้อย่างชัดเจน โดยตะแกรงจะอยู่ด้านล่างหน้าต่างหลังทรงเว้า อันเป็นดีไซน์ซิกเนเจอร์ของยานยนต์ในตระกูลสปอร์ตซีรีส์โดยเฉพาะ ด้านล่างกันชนหลังติดตั้งท่อไอเสียคู่ โดยอยู่ด้านข้างตัวดิฟฟิวเซอร์ที่ได้รับการออกแบบใหม่อย่างประณีตในทุกรายละเอียด ยานยนต์ในตระกูลสปอร์ตซีรีส์ นำเสนอระบบกันสะเทือนที่พัฒนาใหม่ล่าสุด เพื่อให้นักขับผสานเป็นหนึ่งเดียวกับยานยนต์อย่างสมบูรณ์แบบทั้งในสนามแข่งขันและบนท้องถนน โดยใช้แผ่นแดมเปอร์แบบปรับอิสระกับบาร์กันพลิกทั้งส่วนหน้าและหลัง (ซึ่งแตกต่างจากตระกูล Super Series) ร่วมกับปีกนกคู่ ซึ่งควบคุมด้วยการตั้งค่าได้ทั้งโหมด Normal, Sport, และ Track โดยในโหมด Normal ระบบจะมอบการขับขี่ที่กำหนดตามค่ามาตรฐาน ส่วนโหมด Sport และ Track จะทำให้ 570S ยึดเกาะกับเส้นทางเสมือนอยู่ในสนามแข่งมากยิ่งขึ้น ยานยนต์แมคลาเรน การออกแบบห้องโดยสารของ 570S ให้ความสำคัญกับผู้ขับสูงสุดเพื่อให้ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับยานยนต์ มุมมองการขับขี่ที่ชัดเจน การทำงานที่คล่องตัวและยิ่งไปกว่านั้น ยังมีระบบการทำงานและที่ว่างให้เอื้อต่อการใช้งานในทุกๆ วัน ที่นั่งเป็นแบบมาตรฐานโดยบุด้วยหนังเพื่อมอบความสบายสูงสุดในยามขับขี่ทางไกล โดยสามารถเลือกออปชั่นเบาะนั่งสไตล์รถแข่งได้ตามต้องการ แผงหน้าปัดและพวงมาลัยหุ้มด้วยหนังเข้าชุดกันอย่างสวยงาม การออกแบบห้องโดยสารตามแบบสรีรศาสตร์อันชาญฉลาดทำให้เกิดพื้นที่กว้างขวางและส่วนใช้สอยที่ใช้งานได้จริง ซึ่งรวมถึงพื้นที่เก็บของด้านหน้าที่กว้างขวางถึง 150 ลิตร รถยนต์รุ่น 570S ยังมาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความบันเทิงและข่าวสารเต็มรูปแบบ อาทิ ส่วนคลัสเตอร์แบบดิจิตัล TFT ที่จะเปลี่ยนรูปแบบไปตามโหมดการขับขี่ จอทัชสกรีน IRIS ขนาด 7 นิ้ว ฟังก์ชั่นระบบปรับอากาศภายในตัวรถ การเชื่อมต่อแบบบลูทูธ และวิทยุระบบดิจิตัล DAB ในยุโรป / วิทยุดาวเทียม SIRIUS (ตามภูมิภาคของตลาด) และติดตั้งคอนโซลกลางแบบ “ลอยตัว” ภายในยังติดตั้งระบบเสียงสี่ลำโพงของแมคลาเรนเพื่อเพิ่มอรรถรสในการฟัง และแม้จะเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยหากห้องโดยสารยังคงมีน้ำหนักเบา ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการออกแบบของแมคลาเรน ยานยนต์ในตระกูลสปอร์ตซีรีส์ นำเสนอออปชั่นการตกแต่งห้องโดยสารภายในมากมายตามใจคุณ ทั้งวัสดุคุณภาพจาก ผ้าอัลแคนทาร่า (Alcantara), หนังนัปป้า, และชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์มากมาย นอกจากนี้ ยังนำเสนอรูปแบบการตกแต่งในสไตล์แมคลาเรนที่ลูกค้าสามารถเลือกรายละเอียดต่างๆ ได้มากมาย ซึ่งเหมือนกับออปชั่นที่นำเสนอในรุ่น 675LT ซึ่งเกิดจากการเลือกสรรโทนสีและวัสดุที่ดีที่สุดเพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ของห้องโดยสารที่หรูหรามีระดับ โดยมีการประสานงานกับทีมสีภายนอกตัวรถอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังมีออปชั่นระบบเครื่องเสียงทั้งแบบ McLaren Audio Plus 8-Speaker Upgrade System และ Bowers & Wilkins 12-Speaker Premium Audio System กำลังเสียงแบบเซอร์ราวด์ 1,280 วัตต์ ให้เลือกตามต้องการ ข้อมูลยานยนต์รุ่น McLAREN 570S PERFORMANCE 0-100 km/h (0-62 mph) ......................3.2 seconds 0-200 km/h (0-124 mph) ................... 9.5 seconds Top speed ...........................................328 km/h (204 mph) Power-to-weight ................................ 434PS per tonne ENGINE & POWERTRAIN Engine Configuration ........................ V8 Twin Turbo / 3799cc Power ................................................ 570PS (562 bhp) @ 7,400 rpm Torque ............................................... 600Nm (443 lb ft) @ 5,000-6,500 rpm Transmission....................................... 7 Speed SSG CO2 ................................................... 258 g/km Economy ........................................... 25.5 mpg (EU combined) DIMENSIONS & WEIGHT Dry weight ......................................... 1,313 kg (2,895 lb) with lightweight options Weight distribution ........................... 42 / 58 Length ............................................... 4,530mm Width ................................................. 2,095mm Height ................................................ 1,202mm ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับยานยนต์แมคลาเรน สามารถติดต่อโชว์รูม แมคลาเรน กรุงเทพฯ ได้ที่ บริษัท นิช คาร์ จำกัด โทร +662 321 1111 รายละเอียดเพิ่มเติม www.mclarenautomotive.com ที่มา : http://www.thairath.co.th |
| เรื่องอื่นๆ ในหมวด |
![]() |
STP เปิดสาขาใหม่ “ท่าอิฐ” จ.นนทบุรี รวมพันธมิตรแบรนด์ดัง โปรแรง ลดค่าอะไหล่สูงสุด 50% ลดค่าบริการทุกรายการสูงสุด 30% พร้อมตรวจเช็กรถฟรี 40 รายการ.. |
![]() |
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สนับสนุน โดรนการแสดง 500 ลำ แปรอักษรบนท้องฟ้ายามค่ำคืน เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง.. |
![]() |
ททท. ปิดทริป “Caravan & Media Fam Trip To Sa Kaeo” ชูไฮไลท์ “เกษตรนวัตวิถี-ประวัติศาสตร์พันปี” กระตุ้นท่องเที่ยวสระแก้วมุมมองใหม่.. |
![]() |
บนท์ลีย์ แบงค็อก ร่วมกับ สิงห์ เอสเตท เปิดประสบการณ์ ‘THE INFINITE CRAFTS’ เชิญลูกค้าสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งงานฝีมือและความหรูหราที่อยู่เหนือกาลเวลา ณ โครงการ S’RIN พรานนก-กาญจนา.. |
| ทั้งหมด -»» |
|
|
แสดงผลได้กับ IE9+/Firefox/Chrome 1440*900 resolutions. ©2013 www.carshowsociety.com Web Creative Design by Qisza.com |
789/4 ซ.ลาดพร้าว 48 แยก 8 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320 มือถือ : 08-4659-4999 |