ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
Home Car Show Super Car & Import Car Off Road Car Stereo Eenergy Business Wheel & Tires Classifieds Webboard
Sport World Home & Condo Motor Cycle Cycle Bike Review & TestDrive Classic Car Motor Sport Pretty Show Sexy Lady Society News





McLaren เปิดโชว์รูมแห่งใหม่ล่าสุดในเมืองไทย
หน้าแรก » ข่าว-กิจกรรม/Society News-Event » McLaren เปิดโชว์รูมแห่งใหม่ล่าสุดในเมืองไทย...

7-พฤษภาคม  |   1264





       การเปิดโชว์รูมใหม่ในกรุงเทพฯ คืออีกหนึ่งความสำเร็จของแมคลาเรน หลังการเปิดตัวยานยนต์สปอร์ตซีรีส์ใหม่ในงาน New York Motor Show เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา แมคลาเรน แบรนด์ซุปเปอร์คาร์ชื่อดังระดับโลกจากอังกฤษ เปิดโชว์รูมแห่งใหม่ล่าสุดในเมืองไทยในชื่อ “แมคลาเรน กรุงเทพฯ (McLaren Bangkok)” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหลักชัยแห่งความสำเร็จของแมคลาเรนในการขยายเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายชั้นเลิศในตลาดรถหรูของเอเชีย โดยโชว์รูมลำดับที่ 20 ในเอเชียแห่งนี้ บริหารงานโดย บริษัท นิช คาร์ จำกัด ผู้นำเข้ารถซุปเปอร์คาร์และสปอร์ตคาร์ระดับพรีเมียมในประเทศไทย ถือเป็นการนำเสนอไลฟ์สไตล์แห่งการขับขี่ซุปเปอร์คาร์ระดับหรูอย่างแท้จริงสู่ผู้บริโภคชาวไทยเป็นครั้งแรกของแมคลาเรน
 
         โชว์รูม แมคลาเรน กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนถนนมอเตอร์เวย์ กม.1 มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเพื่อการนำเสนอยานยนต์ซุปเปอร์คาร์และรถสปอร์ตสมรรถนะสูงจากแมคลาเรนหลากหลายรุ่นจากอังกฤษสู่ลูกค้าในประเทศไทย โดยเฉพาะรุ่น McLaren 650S ที่คว้ารางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย และจะนำมาจัดแสดงในงานเปิดตัวโชว์รูม นอกจากนี้ แมคลาเรนยังเปิดศูนย์บริการแมคลาเรน กรุงเทพฯ (McLaren Bangkok Service Centre) อย่างเป็นทางการ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโชว์รูมแห่งใหม่นี้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มอบบริการซ่อมบำรุงและบริการหลังการขายครบวงจร เพื่อให้ลูกค้าแมคลาเรนในเมืองไทยได้สัมผัสกับประสบการณ์ขับขี่สไตล์แมคลาเรน


         ผู้ที่รับหน้าที่บริหารโชว์รูมแห่งใหม่นี้ คือ บริษัท นิช คาร์ จำกัด ผู้นำเข้ารถซุปเปอร์คาร์และสปอร์ตคาร์ระดับพรีเมียมในประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้บริโภคระดับสูงของเมืองไทยในด้านคุณภาพและบริการชั้นเลิศ งานเปิดตัวยังได้รับเกียรติจากตัวแทนสำนักงานใหญ่แมคลาเรน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มาร่วมในพิธีเปิด มร.เดวิด แมคอินไตย์ ผู้อำนวยการแมคลาเรน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ มร.จอร์จ บิกส์ หัวหน้าฝ่ายงานขายและปฏิบัติการ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แมคลาเรน ร่วมด้วยตัวแทนจากผู้จัดจำหน่าย ได้แก่ เสรี รักษ์วิทย์ ประธานบริษัท และ วิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการบริษัท นิช คาร์ จำกัด


       วิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการบริษัท นิช คาร์ จำกัด กล่าวในสุนทรพจน์ว่า “เรารู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งกับบทบาทใหม่ในฐานะผู้แทนจำหน่ายรถยนต์แมคลาเรนอย่างเป็นทางการรายแรกในกรุงเทพฯ ด้วยมาตรฐานการให้บริการระดับโลกและความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ เราขอให้คำมั่นว่า เราจะมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับหรูให้แก่ผู้บริโภคในเมืองไทยบนมาตรฐานเดียวกับที่ แมคลาเรน ออโตโมทีฟ นำเสนอแก่ผู้บริโภคระดับสูงทั่วโลก โดยการเปิดโชว์รูมแมคลาเรน กรุงเทพฯ ในวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามในการตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของนักขับรถซุปเปอร์คาร์ในเมืองไทย”


        เดวิด แมคอินไตย์ ผู้อำนวยการแมคลาเรน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวเสริมว่า “ตลาดรถหรูในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของแบรนด์แมคลาเรน เรามุ่งมั่นสร้างความเข้มแข็งให้แก่เครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จากการเปิดโชว์รูมแมคลาเรนในกรุงเทพฯ แห่งนี้ ปีนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเราได้เปิดตัวยานยนต์สปอร์ตซีรีส์ใหม่ ซึ่งเป็นที่เฝ้าจับตาของผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน และเราสัญญาว่าผู้บริโภคในเมืองไทยจะได้สัมผัสความตื่นตาตื่นใจนี้ด้วยเช่นกัน อีกทั้งเรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้นำเสนอซุปเปอร์คาร์และรถสปอร์ตระดับพรีเมียมหลากหลายรุ่นแก่นักขับระดับสูงในภูมิภาคนี้ โดยมีพันธมิตรชั้นเยี่ยมอย่าง นิช คาร์ ทำหน้าที่ดำเนินงานอย่างดีเยี่ยม”


       โชว์รูม แมคลาเรน กรุงเทพฯ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายปลีกของแมคลาเรน หลังการเปิดตัวรถยนต์รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น McLaren 675LT ในงาน Geneva Motor Show และ All-new Sports Series McLaren 570S ในงาน New York Motor Show เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา อีกทั้งสปอร์ตซีรีส์ กำหนดจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่ทุกคนรอคอยอย่าง McLaren 540C ในงาน Shanghai Auto Show ในวันที่ 20 เมษายน 2558 นี้อีกด้วย โดยยานยนต์แมคลาเรนสปอร์ตซีรีส์นี้จะถือเป็นยนตรกรรมแนวสปอร์ตที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ซึ่งนำเสนอความเป็นเลิศแห่งสมรรถนะและเอกลักษณ์แห่งยานยนต์สู่ตลาดรถสปอร์ตเป็นครั้งแรก เนื่องจากรถยนต์ในซีรีส์นี้ถูกออกแบบตามนิยามของแมคลาเรนอย่างแท้จริง โดยนำคุณสมบัติมาจาก McLaren P1™ และ 650S ผนวกการนำเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของรถยนต์สูตร 1 มาใช้ในการตีตลาดรถยนต์กลุ่มใหม่ของแมคลาเรน


McLaren 650S Spider โฉมใหม่ ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับนักขับทั้งบนท้องถนนและสนามแข่ง ในรูปลักษณ์แบบยานยนต์คูเป้ที่ติดตั้งหลังคา
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (62 ไมล์/ชม.) ใน 3 วินาที และ 0-200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม.) เพียง 8.6 วินาที

โครงรถใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์พิเศษแบบ MonoCell ทำให้ไม่ลดค่าความแข็งแกร่งต่อการบิด เมื่อมีน้ำหนักเท่ากัน

หลังคาแบบสองชิ้นสามารถปรับขึ้นและลงได้ภายในเวลา 17 วินาทีในขณะรถเคลื่อนด้วยความเร็วสูงถึง 30 กม./ชม. (19 ไมล์/ชม.)

      หากพิจารณาในเชิงสมรรถนะยานยนต์ รถยนต์รุ่น 650S Coupé จะมีความคล้ายคลึงกับรุ่น McLaren 650S Spider และใช้ได้กับเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบรุ่นพิเศษของ McLaren M838T ซึ่งให้กำลัง 650 แรงม้า (641 แรงม้าเพลา) และแรงบิด 678 นิวตันเมตร (500 ฟุต-ปอนด์) ซึ่งหมายถึงสามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. (62 ไมล์/ชม.) ได้ในเวลาเพียง 3 วินาที และ 0-200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม.) เพียง 8.6 วินาที โดยช้ากว่ารุ่นติดตั้งแบบ fixed-head เพียง 0.2 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 329 กม./ชม. (204 ไมล์/ชม.) ส่วนอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการปล่อยไอเสียจะอยู่ระดับเดียวกับรุ่น 650S Spider คือที่ 24.2 ไมล์ต่อแกลลอน (11.7 ลิตร/100 กม.) ตามอัตราการใช้เชื้อเพลิงรวมหน่วยยูโร และอัตราไอเสียที่ 275 กรัม/กม.

      แบรนด์คู่แข่งมักจะไม่นำเสนอยานยนต์สมรรถนะสูงที่มีประสิทธิภาพเท่ากันในรูปแบบรถยนต์เปิดประทุน เนื่องจากอาจก่อให้เกิดความยุ่งยากสำหรับระบบเปิดประทุนได้ โดยรถเปิดประทุนเหล่านั้นจะมีน้ำหนักมากกว่าและมีความแข็งแกร่งต่อแรงบิดต่ำกว่า ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อการควบคุมและการขับขี่

       การใช้โครงรถที่เป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์แบบ Mono Cell ซึ่งเป็นหัวใจของรุ่นแมคลาเรน 650S จึงไม่จำเป็นต้องมีการเสริมความทนทานหรือเพิ่มความแข็งแรงในตัวฝาปิดด้านบนแต่อย่างใด ทั้งยังทำให้ยานยนต์ 650S Spider มีความสามารถในการควบคุมและการขับขี่ที่ดีเยี่ยมและมีรูปทรงเป็นแนวเส้นตรงอันสง่างาม โดยยานยนต์ 650S Spider มีน้ำหนักรวม 1,370 กก. (ขณะไม่เติมเชื้อเพลิง) และเพิ่มขึ้นเพียง 40 กก. เมื่อเป็นแบบรถคูเป้ ซึ่งเกิดจากการเพิ่มชิ้นส่วนหลังคาแข็งแบบพับและกลไกส่วนหลังคา หากก็ยังถือว่ามีน้ำหนักที่เบากว่ารถยนต์รุ่นอื่นในคลาสเดียวกัน


       หลังคาแข็งแบบพับสองชิ้นสามารถปรับขึ้นและลงได้ภายในเวลา 17 วินาที โดยปรับได้ทั้งในขณะหยุดนิ่งและขณะรถเคลื่อนด้วยความเร็วสูงถึง 30 กม./ชม. (19 ไมล์/ชม.)

       ยานยนต์ 650S Spider ยังใช้กระจกหน้าต่างหลังแบบฉนวนเหมือนกับรุ่น 12C Spider ซึ่งทำงานแยกส่วนกับหลังคารถ โดยเมื่อปิดหลังคาลง กระจกหน้าต่างหลังจะทำหน้าที่เป็นตัวเบี่ยงลมเพื่อป้องกันแรงกระแทกกับห้องโดยสาร ส่วนเมื่อเปิดหลังคา สามารถปรับหน้าต่างกระจกหลังลงได้เพื่อเพิ่มเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์และสร้างอรรถรสในการขับขี่แก่ห้องโดยสาร โดยเฉพาะการเปิดเพียงครึ่งเดียวเพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ของการขับขี่ท่ามกลางสายฝน เมื่อพับหลังคาลง แผ่นหลังคาจะถูกเก็บในแผงคลุมที่มีสีเดียวกับตัวรถโดยทำงานร่วมกับโครงค้ำคู่ด้านหลัง เมื่อยกหลังคาขึ้น พื้นที่ว่างใต้แผงคลุมยังสามารถปรับใช้เป็นพื้นที่เก็บของเพิ่มเติมได้


       นอกเหนือจากสมรรถนะระดับรถแข่งที่เปิดประทุนได้ ยานยนต์รุ่น 650S Coupé และ 650 Spider ยังตกแต่งด้วยวัสดุหรูหราคุณภาพเยี่ยม โดยตัวเบรกของรุ่น 650S ใช้วัสดุแบบคาร์บอนเซรามิกคู่กับล้ออัลลอยน้ำหนักเบาที่หุ้มด้วยยาง Pirelli P Zero™ Corsa นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบนำทางของ IRIS และระบบโทรศัพท์ผ่านสัญญาณบลูทูธ วิทยุระบบดิจิตัล DAB ในยุโรป (วิทยุดาวเทียม SIRIUS ในอเมริกาเหนือ) ระบบเชื่อมต่อออนไลน์แบบไร้สาย โดยติดตั้งระบบเครื่องเสียงและการสั่งงานด้วยเสียงเป็นมาตรฐานในรถยนต์ทุกรุ่น ส่วนห้องโดยสารภายในตกแต่งด้วยผ้าอัลแคนทาร่า (Alcantara) ทั้งหมด
แมคลาเรน เปิดตัวยานยนต์ 570S Coupé เป็นรุ่นแรกในตระกูลสปอร์ตซีรีส์ (Sports Series) นำเสนอภาพลักษณ์อันโดดเด่นของแมคลาเรน และการริเริ่มใช้เทคโนโลยีในสนามแข่งกับรถยนต์เพื่อรุกกลุ่มตลาดใหม่ เมื่อนำ Sports Series รวมกับ Super Series และ Ultimate Series ถือเป็นความสมบูรณ์แบบของสุดยอดยานยนต์ทั้ง 3 ซีรีส์จากแมคลาเรน ที่นำเสนอเป็นครั้งแรก ณ กรุงนิวยอร์ก ปรากฏโฉมในรูปแบบรถสปอร์ตดั้งเดิม ติดตั้งเครื่องยนต์กลางลำรถและขับเคลื่อนล้อหลัง โดยใช้โครงรถเป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ดีไซน์แบบ “Shrinkwrapped” ติดตั้งด้วยครีบยันที่หรูหราเพื่อเสริมประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์และเพิ่มแรงกดที่กระทำต่อตัวรถ

         เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ M838TE ใช้ส่วนประกอบใหม่ 30% ให้กำลัง 570 แรงม้าและแรงบิด 600 นิวตันเมตร มอบอัตราส่วนกำลังเครื่องต่อน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในคลาสที่ 434 แรงม้าต่อตัน ให้อัตราเร่งเต็มสปีด 0-100 กม./ชม. (62 ไมล์/ชม.) ใน 3.2 วินาที และ 0-200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม.) เพียง 9.5 วินาที

เปิดตัวครั้งแรกในโลก ที่งาน New York International Auto Show เมื่อวันพุธที่ 1 เมษายน 2558
        แมคลาเรน ประสบความสำเร็จในกลยุทธ์การนำเสนอสุดยอดยานยนต์ครบทั้ง 3 ซีรีส์ จากการนำเสนอซีรีส์ล่าสุด “สปอร์ตซีรีส์ (Sports Series)” โดยเปิดตัวรุ่น 570S Coupé เป็นรุ่นแรกในตระกูลนี้ ด้วยรูปลักษณ์แบบรถสปอร์ตพันธุ์แท้ ผ่านการออกแบบที่เฉียบคมและสมรรถนะการขับขี่ขั้นสุดยอด โดยผนวกกับคุณสมบัติเด่นของยานยนต์ใน Super Series และ Ultimate Series ไว้อย่างกลมกลืน ทำให้ยานยนต์ 570S Coupé นำเสนอเทคโนโลยีในสนามแข่งขั้นสูงและการดีไซน์อันเป็นเลิศของแมคลาเรนเพื่อการรุกกลุ่มตลาดใหม่อย่างภาคภูมิ
 
         สมรรถนะของยานยนต์ 570S Coupé ยังคงความเป็นเยี่ยมในแบบฉบับแมคลาเรน ด้วยกำลังเครื่องถึง 570 แรงม้า (562 แรงม้าเพลา) และใช้โครงสร้างน้ำหนักเบา จึงให้อัตราส่วนกำลังเครื่องต่อน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในคลาสที่ 434 แรงม้าต่อตัน โดยให้อัตราเร่งเต็มสปีดจาก 0-100 กม./ชม. (62 ไมล์/ชม.) ใน 3.2 วินาที และ 0-200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม.) เพียง 9.5 วินาที นอกจากนี้ 570S Coupé ยังสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 328 กม./ชม. (204 ไมล์/ชม.)
570S Coupé ยังนำเสนอปรัชญาการออกแบบแนวใหม่จากแมคลาเรน ด้วยดีไซน์แบบ “Shrinkwrapped” ที่เสริมประสิทธิภาพของอากาศพลศาสตร์ เผยโฉมครั้งแรกของโลก ณ งาน 115th New York International Auto Show ซึ่งทั่วโลกได้ประจักษ์ในความงามที่ทีมนักออกแบบได้สร้างสรรค์ขึ้น ผ่านการนำเสนอรายละเอียดที่ลงตัว อาทิ ครีบยันด้านหลังที่ช่วยเพิ่มแรงกดกับตัวรถขณะวิ่ง พร้อมเพิ่มแนวเส้นขอบประตูที่สง่างามซึ่งช่วยนำอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ V8 กลางลำรถได้โดยตรง

         ยานยนต์ในสปอร์ตซีรีส์ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 3.8 ลิตร ชื่อรหัส M838TE ซึ่งใช้ส่วนประกอบใหม่ 30% โดยให้กำลังเครื่องที่ 570 แรงม้า (562 แรงม้าเพลา) ที่ 7,400 รอบต่อนาทีและแรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังใช้ระบบเกียร์ 7 สปีดแบบ SSG และขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง นักขับสามารถควบคุมได้ดั่งใจด้วยตัวเบรกที่ใช้วัสดุคาร์บอนเซรามิกมาตรฐานสูง ติดตั้งกับล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่หุ้มด้วยยาง Pirelli P Zero™ Corsa ระดับคุณภาพจาก Pirelli โดยล้อหน้าเป็นแบบ 225/35/R19 และล้อหลัง 285/35/R20

        โครงรถใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์แบบ MonoCell II ซึ่งออกแบบใหม่ให้เหมาะสมกับการขับขี่ในทุกวัน และเอื้อต่อการนำลมเข้าและระบายลมออกจากห้องโดยสาร และแม้จะมีความทนทานและแข็งแกร่งเป็นเลิศ หากมีน้ำหนักเบาเพียง 80 กก. และมอบการปกป้องตัวเครื่องสูงสุด ด้วยโครงสร้างน้ำหนักเบาผสานการใช้แผงโครงรถอะลูมิเนียม ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเมื่อไม่เติมเชื้อเพลิงเพียง 1,313 กก. (2,895 ปอนด์) ซึ่งเบากว่าแบรนด์คู่แข่งเกือบ 150 กก.

        เครื่องยนต์ระบบเทอร์โบชาร์จน้ำหนักเบาไม่เพียงมอบสมรรถนะสูงสุดเท่านั้น หากยังมอบประสิทธิภาพการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการปล่อยไอเสียที่ดียิ่งกว่า ที่ 25.5 ไมล์ต่อแกลลอน ตามอัตราการใช้เชื้อเพลิงรวมหน่วยยูโร โดยปล่อยไอเสียที่ 258 กรัม/กม.

โดดเด่นในแบบฉบับแมคลาเรนทั้งในสนามแข่งขันและบนท้องถนน
       ยานยนต์ 570S นำเสนอดีไซน์แบบแมคลาเรนพันธุ์แท้ ด้วยดีไซน์ส่วนหน้าที่พบได้ทั้งใน Super Series และ Ultimate Series ซึ่งเป็นการออกแบบที่พิจารณาจากการไหลเวียนของอากาศ ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ที่เสริมการทำงานของอากาศพลศาสตร์ทั้งแผงลมใต้กันชนหน้า ที่ช่วยเพิ่มระยะในการนำกระแสลมที่เย็นสะอาดเข้าสู่ใต้ท้องรถส่วนหน้าโดยตรง มาพร้อมไฟหน้าแบบแอลอีดีส่องสว่างขนาดใหญ่พิเศษซึ่งติดตั้งในรถยนต์ทุกรุ่นของสปอร์ตซีรีส์ ผสานการใช้ฝากระโปรงขึ้นรูปที่ช่วยระบายลมไปตามส่วนโค้งของล้อหน้าอย่างราบรื่น ส่วนประตูแบบเปิดยกอันเป็นดีไซน์เฉพาะของแมคลาเรนที่นำมาจากรถยนต์สูตร 1 ติดตั้งมาอย่างสวยงามในแบบยกสูงพร้อมแนวเส้นข้างซึ่งออกแบบมาเพื่อแยกกระแสลมให้ไหลเข้าช่องลมด้านข้างและไหลสู่ใต้ครีบยันอย่างสม่ำเสมอ สถาปัตยกรรมยานยนต์ที่ยอดเยี่ยมนี้ทำให้มั่นใจได้ว่า ตลอดตัวรถรุ่น 570S จะเกิดแรงต้านต่ำสุด พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็นและแรงกดต่อตัวเครื่องสูงสุด

        ครีบยันด้านหลังส่วน Glasshouse ของตัวรถ ถือเป็นส่วนเสริมที่สำคัญของระบบอากาศพลศาสตร์ โดยทำหน้าที่เบนอากาศผ่านสู่ส่วนข้างล้อหลังโดยตรงเพื่อช่วยในการระบายความร้อนจากช่องเปิดสู่เครื่องยนต์ด้านหน้า และยังช่วยเพิ่มแรงกดให้กับตัวรถอีกด้วย ส่วนบังโคลนอะลูมิเนียมด้านหลังช่วยนำอากาศใหม่เข้าสู่ชิ้นส่วนสปอยเลอร์หลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและช่วยเพิ่มแรงกดอีกทางหนึ่ง การดีไซน์ส่วนท้ายรถเน้นความสะอาดตาและเรียบหรู ติดตั้งไฟท้ายแอลอีดีซึ่งกลมกลืนไปกับรูปทรงแผงด้านข้างอย่างเหมาะเจาะ ท้ายรถติดตั้งตะแกรงอะลูมิเนียมเพื่อช่วยระบายความร้อนและทำให้มองเห็นห้องเครื่องได้อย่างชัดเจน โดยตะแกรงจะอยู่ด้านล่างหน้าต่างหลังทรงเว้า อันเป็นดีไซน์ซิกเนเจอร์ของยานยนต์ในตระกูลสปอร์ตซีรีส์โดยเฉพาะ ด้านล่างกันชนหลังติดตั้งท่อไอเสียคู่ โดยอยู่ด้านข้างตัวดิฟฟิวเซอร์ที่ได้รับการออกแบบใหม่อย่างประณีตในทุกรายละเอียด

        ยานยนต์ในตระกูลสปอร์ตซีรีส์ นำเสนอระบบกันสะเทือนที่พัฒนาใหม่ล่าสุด เพื่อให้นักขับผสานเป็นหนึ่งเดียวกับยานยนต์อย่างสมบูรณ์แบบทั้งในสนามแข่งขันและบนท้องถนน โดยใช้แผ่นแดมเปอร์แบบปรับอิสระกับบาร์กันพลิกทั้งส่วนหน้าและหลัง (ซึ่งแตกต่างจากตระกูล Super Series) ร่วมกับปีกนกคู่ ซึ่งควบคุมด้วยการตั้งค่าได้ทั้งโหมด Normal, Sport, และ Track โดยในโหมด Normal ระบบจะมอบการขับขี่ที่กำหนดตามค่ามาตรฐาน ส่วนโหมด Sport และ Track จะทำให้ 570S ยึดเกาะกับเส้นทางเสมือนอยู่ในสนามแข่งมากยิ่งขึ้น

ยานยนต์แมคลาเรน
        การออกแบบห้องโดยสารของ 570S ให้ความสำคัญกับผู้ขับสูงสุดเพื่อให้ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับยานยนต์ มุมมองการขับขี่ที่ชัดเจน การทำงานที่คล่องตัวและยิ่งไปกว่านั้น ยังมีระบบการทำงานและที่ว่างให้เอื้อต่อการใช้งานในทุกๆ วัน ที่นั่งเป็นแบบมาตรฐานโดยบุด้วยหนังเพื่อมอบความสบายสูงสุดในยามขับขี่ทางไกล โดยสามารถเลือกออปชั่นเบาะนั่งสไตล์รถแข่งได้ตามต้องการ แผงหน้าปัดและพวงมาลัยหุ้มด้วยหนังเข้าชุดกันอย่างสวยงาม การออกแบบห้องโดยสารตามแบบสรีรศาสตร์อันชาญฉลาดทำให้เกิดพื้นที่กว้างขวางและส่วนใช้สอยที่ใช้งานได้จริง ซึ่งรวมถึงพื้นที่เก็บของด้านหน้าที่กว้างขวางถึง 150 ลิตร

        รถยนต์รุ่น 570S ยังมาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความบันเทิงและข่าวสารเต็มรูปแบบ อาทิ ส่วนคลัสเตอร์แบบดิจิตัล TFT ที่จะเปลี่ยนรูปแบบไปตามโหมดการขับขี่ จอทัชสกรีน IRIS ขนาด 7 นิ้ว ฟังก์ชั่นระบบปรับอากาศภายในตัวรถ การเชื่อมต่อแบบบลูทูธ และวิทยุระบบดิจิตัล DAB ในยุโรป / วิทยุดาวเทียม SIRIUS (ตามภูมิภาคของตลาด) และติดตั้งคอนโซลกลางแบบ “ลอยตัว” ภายในยังติดตั้งระบบเสียงสี่ลำโพงของแมคลาเรนเพื่อเพิ่มอรรถรสในการฟัง และแม้จะเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยหากห้องโดยสารยังคงมีน้ำหนักเบา ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการออกแบบของแมคลาเรน
ยานยนต์ในตระกูลสปอร์ตซีรีส์ นำเสนอออปชั่นการตกแต่งห้องโดยสารภายในมากมายตามใจคุณ ทั้งวัสดุคุณภาพจาก ผ้าอัลแคนทาร่า (Alcantara), หนังนัปป้า, และชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์มากมาย นอกจากนี้ ยังนำเสนอรูปแบบการตกแต่งในสไตล์แมคลาเรนที่ลูกค้าสามารถเลือกรายละเอียดต่างๆ ได้มากมาย ซึ่งเหมือนกับออปชั่นที่นำเสนอในรุ่น 675LT ซึ่งเกิดจากการเลือกสรรโทนสีและวัสดุที่ดีที่สุดเพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ของห้องโดยสารที่หรูหรามีระดับ โดยมีการประสานงานกับทีมสีภายนอกตัวรถอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังมีออปชั่นระบบเครื่องเสียงทั้งแบบ McLaren Audio Plus 8-Speaker Upgrade System และ Bowers & Wilkins 12-Speaker Premium Audio System กำลังเสียงแบบเซอร์ราวด์ 1,280 วัตต์ ให้เลือกตามต้องการ

ข้อมูลยานยนต์รุ่น McLAREN 570S
PERFORMANCE
0-100 km/h (0-62 mph) ......................3.2 seconds
0-200 km/h (0-124 mph) ................... 9.5 seconds
Top speed ...........................................328 km/h (204 mph)
Power-to-weight ................................ 434PS per tonne

ENGINE & POWERTRAIN
Engine Configuration ........................ V8 Twin Turbo / 3799cc
Power ................................................ 570PS (562 bhp) @ 7,400 rpm
Torque ............................................... 600Nm (443 lb ft) @ 5,000-6,500 rpm
Transmission....................................... 7 Speed SSG
CO2 ................................................... 258 g/km
Economy ........................................... 25.5 mpg (EU combined)

DIMENSIONS & WEIGHT
Dry weight ......................................... 1,313 kg (2,895 lb) with lightweight options
Weight distribution ........................... 42 / 58
Length ............................................... 4,530mm
Width ................................................. 2,095mm
Height ................................................ 1,202mm

ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับยานยนต์แมคลาเรน สามารถติดต่อโชว์รูม แมคลาเรน กรุงเทพฯ ได้ที่ บริษัท นิช คาร์ จำกัด โทร +662 321 1111

รายละเอียดเพิ่มเติม www.mclarenautomotive.com

ที่มา : http://www.thairath.co.th



   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     







        เรื่องอื่นๆ ในหมวด

opening-motor-expo-2025

stp-tha-it-grand-opening-24nov25
STP เปิดสาขาใหม่ “ท่าอิฐ” จ.นนทบุรี รวมพันธมิตรแบรนด์ดัง โปรแรง ลดค่าอะไหล่สูงสุด 50% ลดค่าบริการทุกรายการสูงสุด 30% พร้อมตรวจเช็กรถฟรี 40 รายการ..
kamphaengphet7nov25
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สนับสนุน โดรนการแสดง 500 ลำ แปรอักษรบนท้องฟ้ายามค่ำคืน เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง..
caravan-media-fam-trip-to-sa-kaeo-end
ททท. ปิดทริป “Caravan & Media Fam Trip To Sa Kaeo” ชูไฮไลท์ “เกษตรนวัตวิถี-ประวัติศาสตร์พันปี” กระตุ้นท่องเที่ยวสระแก้วมุมมองใหม่..
the-infinite-crafts15oct25
บนท์ลีย์ แบงค็อก ร่วมกับ สิงห์ เอสเตท เปิดประสบการณ์ ‘THE INFINITE CRAFTS’ เชิญลูกค้าสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งงานฝีมือและความหรูหราที่อยู่เหนือกาลเวลา ณ โครงการ S’RIN พรานนก-กาญจนา..
  ทั้งหมด -»»









 


แสดงผลได้กับ IE9+/Firefox/Chrome
1440*900 resolutions.

©2013 www.carshowsociety.com
Web Creative Design by Qisza.com

789/4 ซ.ลาดพร้าว 48 แยก 8 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320
มือถือ : 08-4659-4999